โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม

โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

๑๒. ตายแล้วเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

๑๒. ตายแล้วเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

ผู้ไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้น พวกหนึ่งคือพวกที่เคยทำกรรมหนัก หลังจากรับโทษทัณฑ์ในนรกแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉานอีก กับคนอีกพวกหนึ่งที่ไม่ทำบุญให้ทาน ใช้ชีวิตด้วยความชั่วความหลง ตายแล้วก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานโดยตรง กับมีบางคนที่หลงผิดอยากเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ผู้มีความปรารถนาเช่นนั้นมักจะได้สมความปรารถนา ดังตัวอย่างของคนหลายคนต่อไปนี้

โกตุหลิก
โกตุหลิกเป็นอดีตชาติไม่ไกลนักของโฆสกเศรษฐีแห่งกรุงโกสัมพี ชาติที่เกิดเป็นโกตุหลิกนั้นเขาเป็นชาวแคว้นอัลลกัปปะ มีภรรยาชื่อ กาลี สมัยนั้นแคว้นอัลลกัปปะเกิดทุพภิกขภัย โกตุหลิกจึงพาภรรยาและลูกน้อยเพิ่งคลอดเดินทางอพยพไปกรุงโกสัมพี ระหว่างทางอาหารที่มีติดตัวมาเพียงน้อยนิดก็หมดลง โกตุหลิกบอกภรรยาว่าเสบียงเราหมดแล้ว เราไม่อาจไปถึงโกสัมพีได้ เราจำเป็นต้องทิ้งลูก วันหน้าถึงโกสัมพีแล้วค่อยมีลูกกันใหม่ แต่นางกาลีไม่ยอม
สองสามีภรรยาเดินทางต่อไป ผลัดกันอุ้มลูกน้อย คราวหนึ่งโกตุหลิกอุ้มลูกเดินตามหลังปล่อยให้นางกาลีเดินล่วงหน้าไปไกล เมื่อได้โอกาสจึงแอบวางลูกทิ้งไว้ใต้พุ่มไม้แห่งหนึ่ง นางกาลีหันกลับมาไม่เห็นลูกก็ร้องไห้คร่ำครวญ ให้โกตุหลิกเดินย้อนกลับไปรับลูก โกตุหลิกจึงย้อนไปอุ้มลูกกลับมา แต่ด้วยหนทางที่กันดารในที่สุดทารกนั้นก็ตายในระหว่างทาง
โกตุหลิกกับภรรยาเดินทางต่อไปจนถึงเรือนนายโคบาลคนหนึ่ง ทั้งสองแวะเข้าไปขออาหาร นายโคบาลหุงข้าวปายาสไว้มากเพราะเป็นคนใจบุญถวายภัตพระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่เนืองนิตย์ จึงมีข้าวปายาสเหลือยกมาให้สองสามีภรรยาได้กิน
นางกาลีแบ่งข้าวปายาสส่วนของตนให้สามี บอกว่าท่านอดข้าวมาหลายวันให้ท่านบริโภคให้เพียงพอก่อน โกตุหลิกจึงกินข้าวปายาสจำนวนมากให้สมกับที่อดอยากมาถึง ๗-๘ วัน กินไปก็มองดูนางสุนัขของนายโคบาลไป คิดว่าสุนัขตัวนี้มีบุญ ได้กินอาหารแบบนี้ทุกวัน ส่วนตนเองนานๆ จึงจะได้กินสักที
ด้วยการบริโภคมากเกินไป ข้าวปายาสไม่ย่อย คืนนั้นโกตุหลิกจึงทำกาละ และด้วยอกุศลจิตก่อนตายที่ไปหลงผิดอิจฉาความเป็นอยู่ของสุนัข โกตุหลิกจึงไปปฏิสนธิในท้องนางสุนัข แล้วเกิดมาเป็นลูกสุนัขอยู่ในเรือนนายโคบาลนั่นเอง
สุนัขโกตุหลิกเป็นผู้ตกต่ำในชาตินี้เพียงชาติเดียว อาศัยที่ได้ก้อนข้าวจากพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงมีความรักในพระปัจเจกพุทธเจ้า ชอบติดตามนายโคบาลไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามารับภัต ช่วยเดินนำทางให้ และคอยเห่าไล่สัตว์ร้ายตามสุมทุมพุ่มไม้ข้างทาง ด้วยกุศลกรรมนี้เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นโฆสกเทพบุตร
เป็นโฆสกเทพบุตรอยู่ไม่นานก็หมดบุญจุติไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง ในวัยเด็กเขาต้องชดใช้กรรมชั่วที่เคยทิ้งลูกโดยถูกเขาทิ้งและพยายามฆ่าซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เมื่อกรรมชั่วหมดผลเขาก็ได้เป็นโฆสกเศรษฐีผู้สร้างโฆสิตาราม

โตเทยยพราหมณ์
ตัวอย่างของคนที่ไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานอีกคนหนึ่ง คือ โตเทยยพราหมณ์
โตเทยยพราหมณ์เป็นปุโรหิตคนหนึ่งของพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นใหญ่อยู่ในหมู่บ้านตุทิคามไม่ไกลจากเชตวันมหาวิหาร เขาเป็นพราหมณ์มหาศาลเพราะมีทรัพย์สมบัติมากประมาณ ๘๗ โกฏิ
โตเทยยพราหมณ์เป็นคนตระหนี่มาก มีความเชื่อว่ายาหยอดตาใช้ทีละหยดเล็กๆ ยังหมดได้ นับประสาอะไรกับการให้ทรัพย์ย่อมต้องสิ้นเปลืองและหมดไปได้เหมือนกัน เมื่อคิดอย่างนี้แล้วเขาจึงไม่เคยให้อะไรใครเลย แม้จะอยู่ใกล้วัดแต่ข้าวทัพพีหนึ่งยังไม่เคยใส่บาตร ซ้ำยังเคยพูดกับพระศาสดาเมื่อเสด็จมาบิณฑบาตด้วยว่า ผู้เจริญ ไปเกิดเป็นสุนัขเถิดไป
ด้วยความตระหนี่และความห่วงสมบัติ ร่วมกับบาปกรรมที่ใช้วาจาไม่งามกับพระพุทธเจ้า โตเทยยพราหมณ์เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นสุนัขอยู่หลังเรือนตนเอง แม้เมื่อเป็นสุนัขแล้วยังทำผิดเห่าใส่พระศาสดาอีก พอตายจากสุนัขจึงไปเกิดต่อในนรก

วัสสการพราหมณ์
วัสสการพราหมณ์เป็นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ เป็นคนมีปัญญามากกว่าอำมาตย์อื่นจึงเป็นที่ไว้วางพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู
ในสมัยปลายพุทธกาล หลังจากพระเจ้าอชาตศัตรูขึ้นครองแคว้นมคธแล้ว พระองค์ปรารถนาจะตีแคว้นวัชชีที่มีเขตแดนติดกัน แต่เพราะแคว้นวัชชีปกครองด้วยระบอบสามัคคีธรรมประกอบไปด้วยผู้นำที่เป็นเจ้าลิจฉวีนับพันองค์ แคว้นมคธจึงไม่อาจจะเอาชนะได้ วัสสการพราหมณ์ใช้อุบายยอมถูกลงโทษให้ตนเองเจ็บตัว แล้วทำเป็นหนีไปพึ่งพิงเจ้าลิจฉวี เจ้าลิจฉวีหลงเชื่อใจจึงแต่งตั้งให้วัสสการพราหมณ์เป็นอาจารย์สอนพวกลิจฉวีกุมาร
ต่อมาวัสสการพราหมณ์ได้ยุแหย่ลิจฉวีกุมารให้ทะเลาะกัน ความบาดหมางจากจุดเล็กลุกลามไปสู่ราชวงศ์ ในที่สุดเจ้าลิจฉวีทั้งหมดก็แตกความสามัคคี ต่างองค์ต่างอยู่ ไม่เอื้อเฟื้อพร้อมเพรียงกันดังแต่ก่อน พระเจ้าอชาตศัตรูจึงกรีธาทัพไปตีแคว้นวัชชีได้โดยง่ายดาย
วัสสการพราหมณ์เป็นคนนอกศาสนา แม้จะไปเฝ้าพระศาสดาบ่อยครั้ง แต่ก็ไปเพราะพระบัญชาของพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ได้ไปเพราะนับถือพระรัตนตรัย วันหนึ่งวัสสการพราหมณ์เห็นพระมหากัจจายนะเถระลงมาจากเขาคิชฌกูฏิ ด้วยความคะนองปากจึงเอ่ยวาจาเปรียบพระกัจจายนะเถระว่าคล้ายลิง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า การพูดปรามาสพระอรหันต์ขีณาสพผู้พ้นอาสวะแล้วเป็นกรรมหนัก กรรมนี้จะทำให้วัสสการพราหมณ์ต้องไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในวัดเวฬุวัน ต้องขอขมาโทษจากพระเถระจึงจะพ้นจากกรรมนี้ได้
วัสสการพราหมณ์ฟังแล้วไม่ได้ทำตาม แต่ก็ครั่นคร้ามว่าคำของพระศาสดาไม่เคยคลาดเคลื่อน เขาจึงเร่งปลูกไม้ผลสารพัดชนิดภายในวัดเวฬุวัน และว่าจ้างคนมาดูแลสวนเป็นอย่างดี หวังเพียงว่าเมื่อต้องไปเกิดเป็นลิงเขาจะได้มีผลไม้กิน
เมื่อทำกาละแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ได้ไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในเวฬุวันวิหารสมดังพุทธดำรัส เวลาใครเอ่ยชื่อเรียกวัสสการพราหมณ์ ลิงตัวนี้ก็จะเข้ามายืนใกล้ๆ ด้วยความเข้าใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา

ชาญวิทย์  ปรีชาพาณิชพัฒนา