โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม

โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

๒๑. พระเจ้าจักรพรรดิ

๒๑. พระเจ้าจักรพรรดิ

ชมพูทวีปเป็นที่อุบัติของมนุษย์ผู้เป็นเลิศ ผู้มีคุณความดีสูงสุด เป็นที่เคารพบูชาของมนุษย์ รวมถึงเทวดา พระอินทร์ และพระพรหม คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวก และเป็นที่อุบัติของพระเจ้าจักรพรรดิซึ่งมีบุญบารมีสูงเช่นเดียวกัน พระเจ้าจักรพรรดิบางองค์มีบุญบารมีมากเทียบเท่าหรือมากกว่าท้าวสักกเทวราชผู้ทรงเป็นจอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระเจ้าจักรพรรดิ คือ พระราชาผู้มีบุญญาธิการและบุญฤทธิ์สูงสุดประมาณ พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงราชาปกครองเมืองใดเมืองหนึ่ง แต่พระองค์มีอำนาจเหนือทวีปใหญ่ทั้งสี่ และทวีปน้อยสองพัน พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือทวีปทั้งหลายไม่ใช่ด้วยกำลัง แต่ด้วยคุณความดี พระองค์ทรงปกครองด้วยธรรม ทรงแสดงธรรมให้อาณาประชาราษฎร์ฟังดุจพระเถระแสดงธรรม บางครั้งจึงเรียกพระองค์ว่า พระเจ้าธรรมิกราช
พระเจ้าจักรพรรดิทรงเป็นพระราชายิ่งกว่าพระราชา จัดเป็น ๑ ใน ๔ บุคลควรบูชาอันหาได้ยากยิ่งในโลก คือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิ บุคคล ๔ จำพวกนี้เรียกว่า ถูปารหบุคคล
ถูปารหบุคคล เป็นบุคคลผู้มีบุญ เป็นผู้สมควรสร้างสถูปเจดีย์ขึ้นบูชาได้ ใครก็ตามหากได้บูชาเจดีย์ของถูปารหบุคคลด้วยความเลื่อมใส ผู้นั้นย่อมได้ไปสวรรค์ ส่วนเจดีย์สำหรับมนุษย์อื่นนั้นบูชาแล้วทำให้ไปสวรรค์ไม่ได้ ซึ่งพระเจ้าจักรพรรดิก็เป็นหนึ่งในถูปารหบุคคลนั้น
และพระเจ้าจักรพรรดินั้นจะมาอุบัติเฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น
การเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั้นไม่ใช่เป็นเพราะตระกูล ไม่ได้เป็นด้วยการรบหรือใช้อำนาจข่มขู่ และไม่ได้มาด้วยกำลัง แต่ได้มาด้วยบุญบารมีที่สร้างสมไว้อย่างเพียงพอในอดีต รักษาทศพิธราชธรรมในปัจจุบัน และสามารถรักษาจักรวรรดิวัตรอันเป็นวัตรปฏิบัติสำหรับพระเจ้าจักรพรรดิโดยเฉพาะได้สมบูรณ์
พระเจ้าจักรพรรดิทุกพระองค์ จะทรงอุบัติขึ้นในชมพูทวีป ในช่วงที่อายุขัยของชาวชมพูทวีปยืนยาวมาก โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์มีอายุขัย ๘๐,๐๐๐ ปี ขึ้นไปจะเป็นช่วงที่มีพระเจ้าจักรพรรดิมาอุบัติมาก
เนื่องจากพระเจ้าจักรพรรดิไม่ได้อุบัติโดยตระกูล ดังนั้นพระเจ้าจักรพรรดิทุกพระองค์จึงเริ่มจากการเป็นพระราชาธรรมดาก่อน เมื่อรักษาทศพิธราชธรรมและรักษาจักรวรรดิวัตรได้สมบูรณ์แล้ว รัตนะ ๗ ประการคู่บุญบารมีจึงจะบังเกิดขึ้น คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คหบดีแก้ว และขุนพลแก้ว
จักรแก้ว
เป็นยานพิเศษสำหรับพระเจ้าจักรพรรดิ สามารถนำพาพระเจ้าจักรพรรดิเสด็จดำเนินไปได้ในนภากาศ และสามารถเสด็จไปยังทวีปใหญ่ทั้งสี่และทวีปน้อยสองพันได้โดยง่ายดาย เมื่อมีพระเจ้าจักรพรรดิอุบัติขึ้น จักรแก้วจะล่องลอยมาจากมหานทีสีทันดร ส่งเสียงดังไปไกล ๑๒ โยชน์ และส่องแสงสว่างไปไกล ๓ โยชน์ เหมือนดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ดวงที่สอง
ช้างแก้ว
เป็นช้างมงคลสกุลอุโบสถหรือฉัททันต์ มีลักษณะงดงาม สีขาว เท้าแดง ถ้าหากเป็นช้างสกุลอุโบสถจะเป็นช้างหัวหน้าโขลง แต่ถ้าเป็นช้างสกุลฉัททันต์จะเป็นช้างตัวสุดท้อง มีอิทธิฤทธิ์พาพระเจ้าจักรพรรดิเหาะไปได้
ม้าแก้ว
เป็นม้ามงคลสกุลวลาหก มีลักษณะงดงาม สีขาว เท้าแดง ศีรษะดำ ขนเหมือนหญ้าปล้อง มีอิทธิฤทธิ์พาพระเจ้าจักรพรรดิเหาะไปได้
แก้วมณี
เป็นดวงแก้วไพฑูรย์เจียระไน ๘ เหลี่ยม มาจากภูเขาเวปุละ มีขนาดโต ๔ ศอก แวดล้อมด้วยดวงแก้วเล็กๆ ๘๔,๐๐๐ ดวง มีรัศมีส่องสว่างดุจกลางวันรัศมี ๑ โยชน์ มีอิทธิฤทธิ์ช่วยบันดาลให้มหาชนสำเร็จสมความปรารถนา
นางแก้ว
เป็นสตรีคู่บารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นสตรีจากอุตรกุรุทวีปหรือมาจากสกุลมัททราช เป็นสตรีผู้มีคุณสมบัติ ๖ ประการ คือ ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ไม่อ้วนเกินไป ไม่ผอมเกินไป ไม่ดำเกินไป ไม่ขาวเกินไป มีผิวพรรณเปล่งปลั่งเกินผิวพรรณมนุษย์งามจนเกือบจะถึงขั้นผิวพรรณทิพย์ของเทพนารี ในเวลาที่พระเจ้าจักรพรรดิหนาว กายของนางแก้วจะอุ่น และในเวลาที่พระเจ้าจักรพรรดิร้อน กายของนางแก้วจะกลับเย็น สัมผัสของนางแก้วนิ่มนวลดุจปุยนุ่น กายหอมเหมือนกลิ่นจันทน์ ปากหอมเหมือนกลิ่นอุบล เป็นสตรีผู้มีสิริโฉมงดงาม น่ารัก น่าชม ใครเห็นต้องถูกตาติดใจ ใครเห็นต้องเลื่อมใส
คหบดีแก้ว
หรือขุนคลังแก้ว เป็นเศรษฐีคู่บุญพระเจ้าจักรพรรดิ หลังจากจักรแก้วปรากฏแล้ว คหบดีแก้วก็จะมีตาทิพย์ สามารถมองเห็นขุมทรัพย์ทั้งในดินและในน้ำในรัศมี ๑ โยชน์ เป็นผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้พระเจ้าจักรพรรดินำมาใช้ประโยชน์ได้
ขุนพลแก้ว
หรือปรินายกแก้ว เป็นราชโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาดหลักแหลมเกินคนทั้งหลาย เป็นผู้มีเจโตปริยญาณรู้ใจของมหาชนในขอบเขต ๑๒ โยชน์ เป็นผู้ทำราชกิจทั้งปวงแทนพระเจ้าจักรพรรดิ
ตัวอย่างของพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่ง คือ พระเจ้ามหาสุทัสสนะ แห่งนครกุสาวดี นครนั้นรุ่งเรืองมาก รอบพระนครล้อมรอบด้วยกำแพง ๗ ชั้น คือ กำแพงทองคำ กำแพงเงิน กำแพงแก้วไพฑูรย์ กำแพงแก้วผลึก กำแพงแก้วทับทิม กำแพงบุษราคัม และกำแพงแก้วทุกอย่างมารวมกัน
กุสาวดีนคร มีประตู ๔ ชนิด คือ ประตูทองคำ ประตูเงิน ประตูแก้วไพฑูรย์ และประตูแก้วผลึก แต่ละประตูปักเสาระเนียด ๗ ต้น คือ เสาทองคำ เสาเงิน เสาแก้วไพฑูรย์ เสาแก้วผลึก เสาแก้วทับทิม เสาบุษราคัม และเสาแก้วทุกอย่างรวมกัน
กุสาวดีนคร มีแถวตาลล้อม ๗ แถว คือ ตาลทองคำ ตาลเงิน ตาลแก้วไพฑูรย์ ตาลแก้วผลึก ตาลแก้วทับทิม ตาลบุษราคัม และตาลแก้วทุกอย่าง
พระเจ้ามหาสุทัสสนะ ต่อมาได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ส่วนกุสาวดีนครก็เสื่อมทรามไปตามกาลเวลาไม่พ้นกฏของไตรลักษณ์ กุสาวดีที่ยิ่งใหญ่ในอดีตกาลนั้นในครั้งพุทธกาลเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ชื่อว่า กุสินารา ซึ่งเป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพานนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ชาญวิทย์ ปรีชาพาณิชพัฒนา

ชาญวิทย์  ปรีชาพาณิชพัฒนา